ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมม้ามืดของ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ โชว์ฟอร์มร้อนแรงท้ายฤดูกาล หลังจากขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของตาราง โดยมีแต้มห่างกับทีม “สิงโตน้ำเงิน” อยู่ 10 คะแนน เมื่อสามารถเปิดบ้านเอาชนะ สโต็ก ซิตี้ 4-0 ทีมอันดับ 10 ของตาราง ได้สำเร็จ โดยเป็นการทำแฮตทริกของ “แฮร์รี่ เคน” ตามด้วยการยิงประตูอีก 1 ลูกของ “เดเล่ อัลลี” จบเกมส์สเปอร์คว้าชัยขาดลอยถึง 4-0

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 26 ของฤดูกาล 2016-17 แข่งขันวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นการพบกันระหว่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก่อนลงสนามอยู่อันดับ 3 ของตาราง มีอยู่ 50 คะแนน เปิดสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน รับการมาเยือนของ “ช่างปั้นหม้อ” สโต๊ค ซิตี้ ทีมอันดับ 10 ของตาราง มีอยู่ 32 คะแนน โดยการพบกันครั้งแรกในซีซั่นนี้ สเปอร์ส บุกชนะ 4-0

จังหวะสำคัญในเกมส์

ครึ่งแรก

น.14 สเปอร์ส บุกได้ไหลลื่น การประสานงานของ 3 ตัวรุกนำมาซึ่งประตูนำ 1-0 เดเล่ อัลลี ไหลบอลยัดเข้าเขตโทษให้ คริสเตียน เอริคเซ่น พยายามดีดออกด้านขวาให้ แฮร์รี่ เคน บอลไปโดน ไรอัน ชอว์ครอสส์ เหมือนจะตัดบอลได้แล้ว แต่บอลยังมาถึง เคน กดด้วยขวาบอลพุ่งเรียดเสียบเสาสอง

น.23 สโต๊ค มีโอกาสลุ้นใกล้เคียงที่จะได้ประตูตีเสมอ เอริค ปีเตอร์ส ได้บอลหลุดขึ้นทางฝั่งซ้าย ก่อนผ่านเรียดเข้าเขตโทษให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ เข้าชาร์จจ่อๆ แต่ อูโก้ โยริส โชว์ความว่องไว ใช้เท้าซูเปอร์เซฟออกจากเส้นได้หวุดหวิด

น.27 สเปอร์ส กลับมาเป็นฝ่ายบุกหาโอกาสลุ้นประตูเพิ่ม คริสเตียน เอริคเซ่น เปดลูกเตะมุมทางฝั่งขวาโค้งเข้าเขตโทษ บอลทะลักมาเสาสองเข้าทาง ยาน แฟร์ต็องเก้น แต่งหนึ่งจังหวะแล้วยิงด้วยขวา บอลพุ่งชนคานอย่างจัง

น.31 สเปอร์ส ติดเครื่องบุกได้มากขึ้น ก่อนจะมาได้ลุ้นเมื่อมาได้ลูกฟรีคิกระยะไกลทางฝั่งขวา คริสเตียน เอริคเซ่น หลอกเล่นสั้นจ่ายขวางมาหน้าเขตโทษให้ ไคล์ วอร์คเกอร์ ซัดด้วยขวาเต็มข้อ ลี แกรนท์ ต้องปัดออกหลัง

น.32 สเปอร์ส ที่มาได้ลูกเตะมุมจากจังหวะต่อเนื่อง คริสเตียน เอริคเซ่น หยิบบอลมาตั้งตรงมุมธงด้านขวา ก่อนเปิดโค้งมาหน้าเขตโทษให้ แฮร์รี่ เคน รอจังหวะบอลตกกระเด้งพื้นแล้วง้างเท้าวอลเลย์ด้วยซ้ายบริเวณหัวกะโหลกเข้าไปอย่างเฉียบขาดพา “ไก่เดือยทอง” ออกนำเป็น 2-0

น.37 สเปอร์ส ยังเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะมาได้ฟรีคิกระยะเกือบๆ 30 หลาตรงกลางประตูนำมาซึ่งประตูหนีห่างเป็น 3-0 คริสเตียน เอริคเซ่น เขี่ยเปลี่ยนจุดให้ แฮร์รี่ เคน กดด้วยขวาเหมือนจะโดนไม่เต็มเท้า แต่บอลไปแฉลบกำแพงเปลี่ยนทางเสียบมุมแบบมีโชค กลายเป็นแฮตทริกของดาวยิงทีมชาติอังกฤษ

น.45+1 สเปอร์ส ยังไม่เพลาเกมรุกจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรก มาขโยกประตูหนีไปถึง 4-0 แฮร์รี่ เคน กระดกบอลหนีตัวประกบมาได้ ก่อนพาบอลลากจี้ลุยเข้าเขตโทษด้านขวา แล้วไหลถวายพานขวางมาอีกฝั่งให้ เดเล่ อัลลี สไลด์ตัวยิงเข้าไปโล่งๆ

หมดครึ่งแรก สเปอร์ส นำห่าง สโต๊ค ถึง 4-0

ครึ่งหลัง

น.50 สเปอร์ส หาโอกาสลุ้นหวาดเสียวในช่วง 5 นาทีแรกของครึ่งหลัง เอริค ดายเออร์ วางบอลยาวขึ้นหน้าให้ เดเล่ อัลลี พักอกหนึ่งจังหวะก่อนพยายามตีลังกายิงจากเส้น 18 หลา แต่บอลเบาหลุดกรอบ

น.57 สเปอร์ส สร้างความหวาดเสียวให้แฟนบอลได้ลุ้นเรื่อยๆ คริสเตียน เอริคเซ่น เปิดบอลจากฝั่งซ้ายโค้งเข้าหาปากประตู แฮร์รี่ เคน สอดมาจากด้านหลังพยายามขึ้นโหม่งที่เสาสอง แต่โดนไม่เต็ม

น.71 สเปอร์ส ผ่อนเกมลงมาบ้างแล้ว แต่ยังมีโอกาสลุ้นได้อีก คริสเตียน เอริคเซ่น พาบอลลากเลื้อยขึ้นหน้า ไหลออกด้านขวาให้ แฮร์รี่ วิงก์ส แต่งบลหาเหลี่ยมปั่นด้วยซ้าย บอลแฉลบย้อยตกหลังคาน

น.73 สเปอร์ส ค่อยๆ ต่อบอลนวดไปเรื่อย หวิดได้ประตูที่ 5 เมื่อ แฮร์รี่ วิงก์ส ไหลบอลจากด้านขวาเข้าในมาให้ แฮร์รี่ เคน พลิกตัดเข้าในแล้วซัดด้วยซ้ายดื้อๆ บอลโค้งเกือบเสียบเสาสอง ลี แกรนท์ บินปัดทิ้งหวุดหวิด

น.85 สเปอร์ส หาโอกาสลุ้นประตูเพิ่มในช่วงท้ายเกม คริสเตียน เอริคเซ่น พาบอลลากจี้ขึ้นหน้า ก่อนไหลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ ไคล์ วอร์คเกอร์ วิ่งตีคู่มาพร้อมกัน หลุดเข้าไปซัดมุมแคบ ลี แกรนท์ รับหลุด ก่อนที่เพื่อนจะตามเคลียร์ทิ้ง

จบเกม 90 นาที สเปอร์ส ปิดบัญชี สโต๊ค ซิตี้ ตั้งแต่ครึ่งแรก ถล่มเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-0 เก็บแต้มเพิ่มเป็น 53 คะแนน ขยับแซง แมนฯ ซิตี้ ขึ้นไปรั้งอันดับที่ 2 มีแต้มตามหลัง เชลซี จ่าฝูง 10 คะแนน

รายชื่อผู้เล่น สเปอร์ส (3-4-3)
อูโก้ โยริส – เอริค ดายเออร์, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ (เควิน วิมเมอร์ น.49), ยาน แฟร์ต็องเก้น (แฮร์รี่ วิงก์ส น.66) – ไคล์ วอร์คเกอร์, วิคเตอร์ วานยาม่า, มุสซ่า เด็มเบเล่, เบน เดวิส – คริสเตียน เอริคเซ่น, แฮร์รี่ เคน (ซน เฮือง-มิน น.86), เดเล่ อัลลี
สำรองไม่ได้ใช้
มิเชล ฟอร์ม – คีแรน ทริปเปียร์, มุสซ่า ซิสโซโก้, วินเซนต์ ยานส์เซ่น

รายชื่อผู้เล่น สโต๊ค ซิตี้ (4-2-3-1)
ลี แกรนท์ – ฟิล บาร์ดสลี่ย์, ไรอัน ชอว์ครอสส์, บรูโน่ มาร์ตินส์ อินดี้, เอริค ปีเตอร์ส – เกล็นน์ วีแลน (เจฟฟ์ คาเมร่อน น.82), ชาร์ลี อดัม (อิบราฮิม อเฟลลาย น.60) – รามาดาน โซบี, โจ อัลเลน, มาร์โก อาร์เนาโตวิช – ปีเตอร์ เคร้าช์ (ไซโด้ เบราฮีโน่ น.60)
สำรองไม่ได้ใช้
เชย์ กิ๊ฟเว่น – มาร์ค มูเนียซ่า, จานนี่ อิมบูล่า, มาเม่ ดิยุฟ